คืนความสดชื่นด้วยพลังแห่งน้ำ

นักกีฬาดื่มน้ำจากขวดกลางแจ้งในช่วงออกกำลังกาย เพื่อฟื้นฟูสมดุลของร่างกายหลังการสูญเสียน้ำและเหงื่อ ภาพสื่อถึงการ Rehydrate ที่สมบูรณ์ โดยมีบทบาทของแลคติก (Lactic) ในการช่วยให้ร่างกายปรับสมดุลระดับเซลล์ ลดความล้า และเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นตัวระหว่างออกกำลังกาย

“เราเคยวัดเหงื่อตัวเองไหม?” เรื่องง่ายๆที่เราอาจไม่เคยรู้

 

ทำไมการวัด อัตราการเสียเหงื่อ (Sweat Rate) ถึงสำคัญกว่าที่คิด

เคยสงสัยไหมว่า… ทำไมออกกำลังกายแล้ว บางวันก็ดี บางวันก็ล้าเหนื่อยง่าย งอแงอยากหยุด ชีพจรขึ้นสูงตลอด

คำตอบหนึ่งอาจอยู่ที่ “เหงื่อ” และ “การชดเชยน้ำ”

 

สิ่งนี้เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการออกกำลังกาย ทั้งในแง่ของสมรรถภาพ และความปลอดภัย

เพราะ หากเราเสียน้ำเกิน 2% ของน้ำหนักตัว(Ideal body weight) สมรรถภาพเราลดลงได้ถึง 10% หมายความว่า ที่เราออกกำลังกายแทบเป็นแทบตายเพื่อให้เราแข็งแกร่งขึ้น แต่หากไม่ได้ชดเชยอย่างเหมาะสมเราจะสูญเสียความสามารถของเราไปโดยไม่รู้ตัว และถ้าเสียน้ำไปมากขึ้นเรื่อยๆ >3% ก็จะยิ่งทำให้เรา เหนื่อย อ่อนล้า ตะคริวเร็วขึ้น สมรรถภาพลดลงไปอีก ที่สำคัญคือ อุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้นจนอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้

 

กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างการสูญเสียน้ำจากเหงื่อกับประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย แสดงให้เห็นว่าการขาดน้ำ (เส้นสีแดง) ลดสมรรถภาพลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่การเติมน้ำอย่างเหมาะสม (~80% sweat rate, เส้นสีน้ำเงิน) ช่วยรักษาประสิทธิภาพได้ดีขึ้น โดยมีบทบาทของแลคติกในการรักษาสมดุลพลังงานและลดความล้าในระดับเซลล์
ภาพ ความสัมพันธ์ระหว่าง อัตราการสูญเสียปริมาณน้ำ กับ สมรรถภาพ

 

วิธีการทำนั้นก็ไม่ยาก ทุกคนสามารถทำได้ตนเองที่บ้าน แค่มีเครื่องชั่งน้ำหนัก คือ

  • เราเพียงชั่งน้ำหนัก ก่อนและหลัง ออกกำลังกาย และกำหนดสารน้ำที่เราจะกินระหว่างนั้น เช่น น้ำหนักก่อนออกกำลังกายคือ 65 กก. ดื่มน้ำก่อน 100 มล. ดื่มระหว่างอีก 200 มล. และเมื่อออกกำลังเสร็จอีก 200 มล. (รวม500มล.) น้ำหนักหลังออกกำลังกายคือ 64 กก. เป็นระยะเวลาการออกกำลังกายรวม 1 ชั่วโมง

แปลว่าร่างกายเสียน้ำไปถึง 1.5 ลิตร ในการออกกำลังกาย 1 ชั่วโมง

 อัตราการเสียเหงื่อ =(น้ำหนักก่อน- น้ำหนักหลัง+ปริมาณน้ำที่ดื่ม) ÷ เวลา(ชั่วโมง)

1.5 ลิตร/ชั่วโมง = (65−64+0.5) ÷ 1

 

จากการที่เราเก็บข้อมูลในคนไทยอายุ 25-55 ปี พบว่า

ในอุณหภูมิ 28-32 °C ในการออกกำลังกายแบบปานกลาง (Heart Rate zone3) พบว่าในเวลา 1 ชั่วโมง เราจะสูญเสียน้ำ (จากเหงื่อและหายใจ) ประมาณ 1200-1600 มล.โดยการชดเชยที่เหมาะสมคือ 80% ของน้ำที่สูญเสียไป คือ 960-1280 มล. ต่อชั่วโมง (โดยในน้ำที่ชดเชยไปทุก 1000มล. ควรมีโซเดียมเป็นส่วนประกอบอย่างน้อย 300-600 มิลลิกรัม เพื่อป้องกันภาวะโซเดียมต่ำ) เพื่อคงสมรรถภาพและป้องกันความเสี่ยงจากภาวะขาดน้ำ

จะเห็นว่าเป็นปริมาณที่ไม่น้อยเลยใช่มั้ยครับ ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่สามารถชดเชยได้อย่างเหมาะสม นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่เราสามารถยกระดับการดูแลสุขภาพและการออกกำลังกายได้

 

การวัดนี้อาจมีข้อจำกัดหรือไม่?

– มี เพราะแต่ละวัน สภาพอากาศ ความชื้น และความเข้มข้นของเหงื่อ ทำให้ผลอาจต่างกันไป เพื่อความแม่นยำจึงต้องตรวจพวกความเข้มข้นของเลือด ความเข้มข้นของปัสสาวะ ความเข้มข้นของเหงื่อ ร่วมด้วย เป็นต้น

แต่ในทางปฏิบัติ — เราสามารถแก้ไขในจุดนี้ได้ ด้วยการทำหลาย ๆ ครั้ง ในหลาย ๆเงื่อนไข ทั้งความเข้มข้น สภาวะอากาศ ฯลฯ เพื่อที่จะเข้าใจ “แนวโน้มของร่างกายเราเอง”

เราจะไม่ได้ใช้ Sweat Rate เพื่อคำนวณเลขตายตัว แต่ใช้เพื่อ “เข้าใจ” ตัวเองว่า

– เราเป็นคนเหงื่อออกมากหรือน้อยแค่ไหน ?

– ออกกำลังกายในอากาศประมาณนี้ต้องดื่มน้ำประมาณไหน ?

– เราดื่มมากเกินไปไหมจนแน่นท้อง หรือต้องปัสสาวะบ่อยๆ ?

 

มันคือ “การรู้จักร่างกาย” ที่ช่วยให้เราซ้อมและแข่งได้ดีกว่าเดิม

 

สรุป ประโยชน์ การวัดอัตราการเสียเหงื่อ (Sweat Rate) คือ

– เราสามารถวางแผนเพื่อบริหารการชดเชยได้อย่างเหมาะสม เพื่อรักษาสมรรถภาพสูงสุดของร่างกายและความปลอดภัยในการออกกำลังกายและการแข่งขัน

– ช่วยให้ฟื้นฟูได้ดีขึ้น เร็วขึ้น หลังซ้อมหนัก

 

“Sweat Rate ไม่ใช่สูตรวิเศษ แต่คือ เครื่องมือให้เราฟังร่างกายตัวเองได้ชัดขึ้น”

ลองวัดแล้วบันทึกดูสักครั้งนะครับ เพราะยิ่งเรารู้จักตัวเองมากเท่าไร เราจะออกกำลังกายได้ดีขึ้น — ไม่ใช่แค่เหนื่อยน้อยลง แต่ยังปลอดภัยและฟื้นตัวได้เร็วขึ้นด้วยครับ

 

สามารถติดตามบทความทางสุขภาพ เบื้องหลังการทำงานของร่างกาย หรือ ความเป็นมนุษย์ในแง่มุมที่หลากหลาย เพื่อชีวิตทรงพลัง ได้ที่

สดชื่น ฟื้น วัย

“ฟื้นฟูดี” ไม่ได้มีแต่โปรตีน

เวลาทรงพลัง

เวลาดื่มได้

Blog – B-STARK

Facebook Page: https://www.facebook.com/dr.songpalang

สุดท้ายนี้ ทีมงานดอกเตอร์ทรงพลังขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านทรงพลังอย่างยั่งยืน

 

อ้างอิง (References)

Sawka, M. N., Burke, L. M., Eichner, E. R., Maughan, R. J., Montain, S. J., & Stachenfeld, N. S. (2007).
American College of Sports Medicine position stand: Exercise and fluid replacement. Medicine & Science in Sports & Exercise, 39(2), 377–390.
https://doi.org/10.1249/mss.0b013e31802ca597

Cheuvront, S. N., & Kenefick, R. W. (2014).

Dehydration: Physiology, assessment, and performance effects. Comprehensive Physiology, 4(1), 257–285.
https://doi.org/10.1002/cphy.c130017

Goulet, E. D. B. (2012).
Dehydration and endurance performance in competitive athletes. Nutrition Reviews, 70(Suppl 2), S132–S136.
https://doi.org/10.1111/j.1753-4887.2012.00530.x

แชร์บทความ

บทความอื่นๆ

เส้นทางการเจ็บป่วยตามลำดับเซลล์ เสริมสมดุลด้วยแลคติก บำรุงลึกระดับเซลล์จาก B-STARK เพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน

เส้นทางการเจ็บป่วย

ตาม ลำดับทรงพลังหรือลำดับการเจ็บป่วย เราได้รู้แล้วว่า ความเจ็บป่วย ไม่ได้อยู่ๆ จะเกิดขึ้นเอง แต่มีลำดับการเกิดของมัน คือ วิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่เป็

อ่านเพิ่มเติม
วิตามินและแลคติก พลังงานระดับเซลล์ กุญแจสำคัญเพื่อสุขภาพ ฟื้นฟูร่างกาย สดชื่นทุกวัน

วิตามิน “กุญแจสำคัญของร่างกาย”

วิตามิน “กุญแจสำคัญของร่างกาย” สารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย เราใช้วิตามินเพื่อช่วยปฏิกิริยาภายในร่างกาย ส่งผลให้การทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายเป็นปกติ

อ่านเพิ่มเติม
"ความจริงของการออกกำลังกาย – ภาพนักกีฬากับบาร์เบล สื่อถึงการเปิดโปงความเชื่อผิด ๆ เช่นเรื่องกรดแลคติกที่หลายคนเข้าใจผิด แท้จริงแลคติกคือพลังงานที่ช่วยเสริมสุขภาพและการฟื้นตัว"

6 เรื่องโกหกกับการออกกำลังกาย

6 เรื่องโกหก ที่คุณอาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับการออกกำลังกาย ร่างกายของเราอาจซับซ้อนกว่าที่เราคิด และโลกของฟิตเนสก็เต็มไปด้วยข้อมูลที่ฟังดูน่าเชื่อถือแต่กลั

อ่านเพิ่มเติม
0
    0
    Your Cart
    Your cart is emptyReturn to Shop