จากบทความมนุษย์ทรงพลัง เราได้เห็นแล้วว่ามนุษย์นั้นประกอบด้วยพลังทั้ง 4 พลัง
วันนี้เราจะมาเข้าใจในพลังแต่ละพลังกันให้มากขึ้น เพื่อเข้าใจความเป็นมนุษย์และการเจ็บป่วยให้ดียิ่งขึ้น
พลังที่ 1 พลังกายภาพ (พลังของธาตุดินหรือพลังของความตาย)
พลังกายภาพ หรือ สสารทางกายภาพ (แร่ธาตุ) (Substance) หรือ ปฏิสัมพันธ์ทางเคมีกายภาพ
พลังนี้ เป็นพลังของโลกที่มีทิศทางเข้าสู่จุดศูนย์กลาง พลังของความหนัก หรือแรงโน้มถ่วง
เป็นสิ่งที่ก่อกำเนิดและเป็นผลลัพธ์มาจาก พลังอื่นๆที่อยู่เหนือกว่า ด้วยพลังของดินนี้ ที่มีทิศทางเข้าสู่จุดศูนย์กลาง จึงทำให้พลังทั้งหมดตกผลึกหรือถูกควบแน่น เข้าสู่จุดสิ้นสุด (Death) เกิดเป็นจุด หรืออนุภาค ทางกายภาพ
พลังนี้ทำให้เกิด สสารทางกายภาพ หรือ ปฏิสัมพันธ์ทางเคมีกายภาพ หรือ กลไกทางวัตถุ ซึ่งเราสามารถ ช่าง ตวง วัด คำนวณ วิจัยได้ผ่านการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เกือบทั้งหมด
เป็นพลังที่เชื่อมโยงมนุษย์ไว้กับโลกทางวัตถุ ทำให้เราสามารถได้รับ แร่ธาตุ สารอาหาร โภชนาการ เพื่อมาสนับสนุนการทำงานของสสารต่างๆ ในร่างกายของเรา ให้มนุษย์เราได้ซึ่งเกิดการกระทำ
เราสามารถประเมินการทำงานของพลังกายภาพในมนุษย์เบื้องต้นได้จาก รูปร่าง ลักษณะ ที่เห็นได้จากภาพนอก ความสมบูรณ์ของกล้ามเนื้อ กระดูกและฟัน เป็นต้น
พลังที่ 2 พลังชีวิต (พลังของธาตุน้ำ)
พลังชีวิต หรือพลังของธาตุน้ำ เป็นพลังที่ทำให้เกิดความสามารถในการเจริญเติบโต ซ่อมแซม ฟื้นฟูได้
พลังนี้ เป็นพลังที่มีทิศทางออกจากจุดศูนย์กลาง พลังของความเบา หรือแรงลอยตัว
เป็นพลังที่ไม่ได้มาจากโลก แต่มาจากภายนอกโลก (ระบบสุริยะจักร) เป็นพลังที่ก่อให้เกิดชีวิต
ตัวอย่างเช่น หากเราลองพิจารณาว่า หากโลกเราถูกปกคลุมไปด้วยเมฆ หมอก จนแสงจากภายนอกไม่สามารถเข้ามาสู่โลกใบนี้ได้จะเกิดอะไรขึ้น แน่นอนว่าในเวลาไม่ช้า พืช จะเริ่มตายลง หลังจากนั้นสัตว์และมนุษย์จะค่อยๆตายลงตามพลังกายภาพ ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่า แท้จริงแล้ว โลกของเราหากปราศจากแสงหรืออิทธิพลจากภายนอก โลกจะมีแต่ความตาย หรือมีแต่พลังกายภาพ แต่การที่จะก่อให้เกิดชีวิต ซึ่งมีความสามารถในการเจริญเติบโต ซ่อมแซม ฟื้นฟู จำเป็นต้องได้รับแสงหรืออิทธิพลจากภายนอกโลก
ซึ่งอิทธิพลของสิ่งนี้ก่อให้เกิดและเป็นผลมาจากจังหว่ะ จังหว่ะที่มีต่อโลก เช่น กลางวัน กลางคืน ฤดูกาล เป็นต้น
พลังนี้ ไม่ง่ายที่จะ ช่าง ตวง วัด คำนวณ วิจัยได้ผ่านการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ หากแต่ต้องใช้ เวลา เพื่อสังเกต เก็บข้อมูล ปรากฎการณ์ของพลังชีวิตที่จะเผยตัวขึ้นมา
เป็นพลังที่อยู่ในทุกสิ่งมีชีวิต ทำให้เกิดการเจริญเติบโต ซ่อมแซม ฟื้นฟู เพื่อให้เกิดความสวยงามตามธรรมชาติ อย่างที่เราเห็นได้ในพืช ที่สามารถทำให้สสารที่ไร้ชีวิต อย่างคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ กลับเข้ามาสู่ วัฏจักรของชีวิต โดยกลายเป็นคาร์โบไฮเดรต ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของพืช ได้ด้วยการสังเคราะห์ด้วยแสง เป็นต้น (หากใครต้องการแย้งว่าแสงจากหลอดไฟเองก็สามารถทำให้เกิดการเจริญเติบโตของพืชได้เช่นกัน โปรดค่อยๆพิจารณาว่า การที่พืชสามารถเจริญเติบโตได้บ้างนั้น เกิดจากได้พลังที่มาจากหลอดไฟหรือเกิดจากพลังชีวิตที่อยู่ในตัวพืชเดิมอยู่แล้ว)
โดยธรรมชาติของพืช เมื่อได้รับอิทธิพลของพลังกายภาพและพลังชีวิตที่มีทิศทางตรงกันข้าม จึงสามารถทำให้เกิดรูปทรง 2 มิติ เช่น รูปทรงของใบไม้ เป็นต้น
พลังชีวิตนี้เองก็ทำให้มนุษย์สามารถมีการเจริญเติบโต ซ่อมแซม ฟื้นฟู ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่มนุษย์หลับ หรือ ไม่มีภาวะสำนึก
เราสามารถประเมินการทำงานของพลังชีวิตในมนุษย์เบื้องต้นได้จาก ลักษณะผิวหนัง เวลาและการฟื้นฟูของแผลหรือการบาดเจ็บ การดื่มน้ำ และการระบายเหงื่อ เป็นต้น
พลังที่ 3 พลังดวงจิต (พลังของธาตุลม)
พลังดวงจิต หรือพลังของธาตุลม เป็นพลังที่ทำให้เกิดภาวะสำนึก ความรู้สึก และการกระทำได้
พลังนี้ เป็นพลังที่มีทิศทางเป็น สองขั้ว คือสามารถเข้าและออก ได้
เป็นพลังที่ไม่ได้มาจากโลก เชื่อกันตั้งแต่สมัยโบราณว่ามาจาก จักราศี
พลังนี้จึงยากมากที่จะสามารถ ช่าง ตวง วัด คำนวณ วิจัยได้ผ่านการศึกษาทางวิทยาศาสตร์
เป็นพลังที่สามารถทำให้สิ่งมีชีวิต เกิดภาวะสำนึก เพื่อตอบสนองจากทั้งภายในและภายนอกได้อย่างสอดคล้องกันมากขึ้น อย่างที่เราเห็นได้ในสัตว์ ที่สามารถเปลี่ยนสสารที่มีชีวิตอย่างคาร์โบไฮเดรต(CHO) มารวมตัวกับไนโตรเจนจากการหายใจ มาปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นโปรตีน(CHON) โปรตีนซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของสัตว์ เพื่อที่สัตว์สามารถตอบสนอง หรือเคลื่อนไหว ตามความสอดคล้องของภายในและภายนอกได้อย่างชัดเจน
เมื่อพลังกายภาพและพลังชีวิตที่มีทิศทางตรงกันข้าม มีพลังที่ 3 ซึ่งคือ พลังดวงจิต ที่มีการเข้าและออกอยู่ตลอดเวลา จึงจำเป็นที่ต้องมีพื้นที่เป็น 3 มิติ เพื่อทำให้เกิดพลวัตรของพลังนี้ได้ อย่างปรากฎการณ์ที่เราจะเห็นได้ในส่วนของดอกไม้ และอวัยวะในส่วนต่างๆของสัตว์ เป็นต้น
เพื่อที่จะทำให้เกิดภาวะสำนึกได้ พลังดวงจิตนี้ จำเป็นต้องมีการทำลายพลังชีวิตเสียก่อน โดยการหายใจ นำออกซิเจนเข้าไปเพื่อทำปฏิกิริยากับชีวิต ทำลายชีวิตที่มีแสงจากภายนอกโลก มาปรับเปลี่ยนให้เกิดแสงแห่งภายใน คือแสงของภาวะสำนึก หรือการตื่น และขับเอาคาร์บอนไดออกไซด์กับน้ำที่ไร้ชีวิตแล้ว ออกมาให้พืชจัดการต่อไป
พลังดวงจิตนี้เอง ทำให้ทั้งสัตว์และมนุษย์สามารถมีการตื่น ย่อย ทำลาย เพื่อให้เกิดช่องว่างของความเป็นไปได้ใหม่และการตอบสนองต่างๆของสิ่งมีชีวิตนั้น และจะสามารถเกิดได้อย่างดีมากขึ้นในขณะที่มีภาวะสำนึก หรือตื่นอยู่ เป็นต้น
เราสามารถประเมินการทำงานของพลังดวงจิตในมนุษย์เบื้องต้นได้จาก การย่อย การขับถ่าย การหายใจ อารมณ์ ความรู้สึก การเคลื่อนไหว เป็นต้น
พลังที่ 4 พลังจิตวิญญาณ (พลังของธาตุไฟ)
พลังจิตวิญญาณ พลังของธาตุไฟ พลังที่ทำให้สามารถ สำนึกในตัวตน ตระหนัก ใคร่ครวญ หยั่งรู้ มีเสรีภาพ คุณธรรม การสร้างสรรค์ศิลปะ ภาษา วัฒนธรรม และสามารถมีการเคลื่อนไหวแบบสันหลังตั้งฉากกับพื้นโลก (upright) ได้
พลังนี้ เป็นพลังที่มีทิศทางเป็นอิสระ
เป็นพลังที่ไม่ได้มาจากโลก มีความเชื่อตั้งแต่สมัยโบราณว่า มาจาก จุดศูนย์กลางของจักรวาล หรือ พระเจ้า
พลังนี้จึงยากมากเช่นกันที่จะสามารถ ช่าง ตวง วัด คำนวณ วิจัยได้ผ่านการศึกษาทางวิทยาศาสตร์
เป็นพลังที่สามารถทำให้มนุษย์นั้นแตกต่างกับสัตว์ ทำให้สามารถสำนึกต่อตนเอง (Self-Consciousness) ตระหนัก ใคร่ครวญ หยั่งรู้ เคลื่อนไหวด้วยสันหลังที่ตั้งฉากกับพื้นโลก สร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ด้วยคุณธรรม และเสรีภาพที่จะสามารถ เปลี่ยนแปลงทุกอย่างทั้ง ภายในตนเอง และภายนอกได้อย่างชัดเจน (Full waking) ทั้งในแง่ดีและแง่ร้าย
เมื่อพลังทั้ง 3 ก่อนหน้านี้ มีพลังที่ 4 ซึ่งคือ พลังจิตวิญญาณ ที่มีทิศทางเป็นอิสระ จึงทำให้เกิดความเป็นไปได้ ความเป็นไปได้อย่างอนันต์ของมนุษย์และทุกสรรพสิ่ง
แต่เพื่อการที่จะทำให้เกิดความเป็นได้นี้ พลังจิตวิญญาณ จะบูรณาการหรือเผาผลาญทุกพลัง เพื่อให้เกิดช่องว่าง ช่องว่างเพื่อรองรับความเป็นไปได้อย่างอนันต์เสียก่อน โดยช่องว่างนี้ เป็นช่องว่างของศรัทธา เพื่อรองรับภาพหรือจินตนาการแห่งความจริง (Imagination), ความจริงที่เป็นสิ่งตั้งต้นของความงาม ความงามที่ทั้งเกิดมาหรือก่อให้เกิดซึ่งความรัก ความรักที่ทั้งเกิดมาหรือก่อให้เกิดซึ่งเป็นแรงบันดาลใจ (Inspiration), ความงามที่เป็นสิ่งตั้งต้นของความดี ความดีที่ทั้งเกิดมาหรือก่อให้เกิดซึ่งความหวัง ความหวังที่ทั้งเกิดมาหรือก่อให้เกิดซึ่งการหยั่งรู้ (Intuition) (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ เหนือการเจ็บป่วย)
ความเป็นไปได้อย่างอนันต์ ที่เกิดจาก ภาพหรือจินตนาการ + แรงบันดาลใจ + การหยั่งรู้
พลังจิตวิญญาณนี้ เราสามารถประเมินการเบื้องต้นได้จาก การยืน,เดิน ความอบอุ่น การตัดสินใจ ทัศนคติ เป็นต้น
ซึ่งการที่เราเจ็บป่วยนั้น เป็นปรากฎการณ์หรือภาพของความจริงที่เกิดขึ้นแสดงถึง พลวัตร ของพลังทั้ง 4 เพื่อให้เกิด แรงบันดาลใจ และการหยั่งรู้ เพื่อก่อกำเนิดถึงความเป็นไปได้ใหม่อย่างเป็นอนันต์ (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ พลังการเจ็บป่วย)
“ผู้ที่เป็นแพทย์หรือผู้รักษาเป็นเพียงพยานหรือผู้แปลสารในสิ่งที่เกิดขึ้น, บรรเทาให้ชีวิตได้มีเวลา ภาวะสำนึกได้มีโอกาส สำนึกต่อตนเองได้ใคร่ครวญ หยั่งรู้ เพื่อเกิดความเป็นไปได้อย่างอนันต์ ต่อไป”
หมายเหตุ บทความนี้เป็นเพียงมุมมองของผู้เขียน (ในวัย 41 ปี) เพื่อแบ่งปันสิ่งที่เรียนรู้และพึงปฏิบัติมา ไม่ได้มีจุดประสงค์ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือเป็นแนวคิดที่ดีที่สุด หรือซ้ำเติมการเจ็บป่วย เพราะเราทุกคนล้วนมีแนวคิด วิถีปฏิบัติของตัวเองแบบปัจเจกบุคคล และสามารถพัฒนาต่อไปได้อยู่เสมอ
สามารถติดตามบทความทางสุขภาพ เบื้องหลังการทำงานของร่างกาย หรือ ความเป็นมนุษย์ในแง่มุมที่หลากหลาย เพื่อชีวิตทรงพลัง ได้ที่
Blog – บริษัท ดอกเตอร์ทรงพลัง จำกัด
Facebook Page: https://www.facebook.com/dr.songpalang
สุดท้ายนี้ ทีมงานดอกเตอร์ทรงพลังขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านทรงพลังอย่างยั่งยืน