เรื่องหวานๆ ต้องรู้ก่อนตาย

น้ำตาลเป็นแหล่งพลังงานที่ดี ?

เมื่อเราออกกำลังกาย แน่นอนว่าร่างกายของเรา จะมีความต้องการพลังงานที่สูงขึ้น และน้ำตาลเป็นหนึ่งในพลังงานที่หาได้ง่ายและถูกร่างกายใช้ได้อย่างรวดเร็ว

แต่เป็นที่ทราบกันดี ทั้งทางสาธารณสุขทั่วไปและเวชศาสตร์ชะลอวัยว่า น้ำตาลคือหนึ่งในยาพิษของเซลล์  โดย องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้ว่า ไม่ควรได้รับเกิน 6 ช้อนชาหรือ 24 กรัมต่อวัน

จากข้อมูล พบว่า เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลม น้ำผลไม้ ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มเกลือแร่ ที่จำหน่ายทั่วไปนั้นมีปริมาณน้ำตาลสูงมาก เฉลี่ย 20-60 กรัมต่อหน่วย เจลพลังงานที่นักกีฬาใช้กันเกือบทั้งหมด ก็มีปริมาณน้ำตาลตั้งแต่ 25 กรัม/ซอง ขึ้นไป ขณะที่ ปริมาณเหมาะสมของน้ำตาล ที่เราไม่ควรได้รับ คือมากกว่าวันละ 24 กรัม เพราะจะเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือ NCDs เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ หลอดเลือดหัวใจ หมายความว่าหากเรากินเครื่องดื่ม หรือ เจลพลังงาน เหล่านี้เพียงหน่วยเดียว วันทั้งวันของเราไม่ควรได้รับน้ำตาลจากอาหารชนิดอื่นๆเพิ่มอีก เพราะอาจทำให้การออกกำลังกายเพื่อดูแลสุขภาพของเรานั้นสูญเปล่า

การออกกำลังกายถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ดี ช่วยลดความเสี่ยงของโรค NCDs ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถกินน้ำตาลได้มากขึ้น

โดยเฉพาะน้ำตาลเชิงเดี่ยว ที่มักอยู่ใน เครื่องดื่มเกลือแร่และเจลพลังงานทั่วไป เพื่อหวังผลให้น้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เกิดความสดชื่นและกำลังอย่างรวดเร็ว และยิ่งมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ยิ่งทำให้เลือดมีสภาวะเป็นกรดมากขึ้น ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคต่ำลง ผลที่ตามมาคือ ติดเชื้อ ป่วย บาดเจ็บง่าย นอกจากนี้ ยังเร่งให้เกิดอนุมูลอิสระ ซ้ำเติมจากการออกกำลังกายมากขึ้นไปอีก น้ำตาลบางชนิดยังทำให้กรดอมิโนที่มีชื่อว่า ทริปโตฟาน ถูกเร่งเข้าสู่สมองมากเกินไป ทำให้เสียสมดุลของฮอร์โมนในสมอง ผลที่ตามมาก็คือทำให้เกิดอาการเซื่องซึม เหนื่อย ไม่กระฉับกระเฉง

สรุปอันตรายจากการกินน้ำตาลมากเกินไป

  1. ไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
  2. ทำให้กระดูกและฟันไม่แข็งแรง
  3. ภาวะเลือดเป็นกรด ส่งผลให้ร่างกายเสียความสมดุลและระบบการทำงานของร่างกายล้มเหลวได้
  4. ความดันเลือดเพิ่มสูง
  5. ทำให้เกิดความเครียด หลายคนอาจคิดว่าการกินน้ำตาลมักจะทำให้รู้สึกคลายเครียด แต่แท้จริงแล้วจะยิ่งทำให้เราเครียดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
  6. เป็นสาเหตุของโรคร้าย ปวดศีรษะ ปวดไมเกรน ตะคริว สิว ผื่น กระ แผลพุพอง แผลริดสีดวงทวารหนัก เบาหวาน วัณโรค โรคหัวใจ และมะเร็งตับ ซึ่งอาการเจ็บป่วยเหล่านี้ล้วนมีสาเหตุมาจากการกินน้ำตาลที่มากเกินไปทั้งสิ้น
  7. ง่วงนอนมากขึ้น การกินน้ำตาลหรืออาหารที่มีรสหวานจะทำให้การทำงานของสมองช้าลง ไม่สดชื่น ยิ่งเป็นเวลาในช่วงบ่ายด้วยแล้ว ยิ่งจะทำให้เราง่วงนอนเป็นสองเท่าเลยทีเดียว
  8. ทำให้แก่เร็ว มันจะเข้าไปทำลายโครงสร้างของคอลลาเจนและอีลาสตินที่อยู่ในชั้นผิว จนทำให้เซลล์ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ผิวไม่กระชับเต่งตึงดังเดิม ส่งผลให้ผิวเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นนั่นเอง

เราจึงควรระมัดระวังปริมาณน้ำตาลใน เครื่องดื่มต่างๆ หรือเจลพลังงาน ให้ไม่มากเกินไป เพราะจะก่อให้เกิดปัญหาทางสุขภาพได้ทั้งในระยะสั้นและยาว ดังที่กล่าวมา

ดังนั้นก่อนที่เรากำลังจะกินหรือดื่มอะไร อย่าลืมดูฉลากโภชนาการ ซึ่งจะบอกปริมาณน้ำตาลในผลิตภัณฑ์นั้นๆ รวมถึงสามารถเปรียบเทียบและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย

บริษัท ดอกเตอร์ทรงพลัง จำกัด ปรารถนาให้ทุกท่านมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน จึงพัฒนา B-STARK All in one Nutrition ร่วมกับทีมแพทย์ เวชศาสตร์การกีฬา อายุรกรรมหัวใจและหลอดเลือด แพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านโภชนาการ-เมแทบอลิซึม เวชศาสตร์ชะลอวัยและการแพทย์ผสมผสาน โดยใช้พลังงานระดับเซลล์จาก Organic acid ทดแทนการใช้พลังงานจากน้ำตาล ผสานสารอาหาร เกลือแร่และวิตามินมาตรฐานการแพทย์กว่า 15 ชนิด เพื่อตอบสนองต่อความต้องการทางสุขภาพและความสำเร็จของคุณ

 

“วิธีทรงพลังแบบไม่พึ่งน้ำตาล” อ่านต่อ รู้จักแลคติก…พลังงานใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 (drsongpalang.com)

Lactic VS Sugar – บริษัท ดอกเตอร์ทรงพลัง จำกัด (drsongpalang.com)

เพิ่มพลัง 3 เท่า – บริษัท ดอกเตอร์ทรงพลัง จำกัด (drsongpalang.com)

Our Social https://www.facebook.com/dr.songpalang

อ้างอิง https://www.gj.mahidol.ac.th/main/knowledge-2/sweet/

https://www.thaihealth.or.th/?p=313144

Verified by MonsterInsights